ข้อดีข้อเสียของการใช้ระบบ Dropship
ข้อดีข้อเสียของการใช้ระบบ Dropship ระบบตัวแทนจำหน่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีการขยายธุรกิจ ซึ่งเจ้าของธุรกิจนั้น ๆ จะประกาศตามหาผู้ที่สนใจจะเป็นตัวแทนจำหน่าย จำแทนจำหน่ายจะนำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ไปจำหน่ายต่ออีกที โดยจะมีการตกลงเรื่องผลกำไร หรืออาจจะเป็นการขายขาดให้กับตัวแทนจำหน่ายโดยสิทธิที่คนตัวแทนจะได้รับก็คือสินค้าที่ราคาถูกกว่าเดิมเพื่อให้เอาไปขายและมีกำไรเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ระบบตัวแทนจำหน่ายใช้ได้กับสินค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้า เป็นต้น ซึ่งวันนี้เราจะมาบอกถึงข้อดีข้อเสียของการใช้ระบบ Dropship ว่ามีอะไรบ้าง
ข้อดีของระบบ Dropship หรือตัวแทนจำหน่าย
- ลงทุนน้อย
สำหรับมือใหม่ที่ไม่อยากลงทุนอะไรมากมายโดยเฉพาะคนที่อยากค้าขายแต่ไม่อยากที่จะผลิตสินค้าเอง เพราะเราไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าถ้าหากเราทำสินค้าขายเองจะขายได้หรือไม่ ซึ่งการเป็นตัวแทนจำหน่ายจะช่วยให้เรามีรายได้จากการที่เราลงทุนน้อย ๆ ความเสียงจากการลงทุนก็น้อยด้วยและที่สำคัญระบบ Dropshipหรือระบบตัวแทนจำหน่ายส่วนใหญ่มักจะไม่ต้องสต๊อกสินค้าทำให้เราไม่จำเป็นต้องลงทุนมาก
- เลือกสินค้าที่ขายดีได้
เนื่องจากเราเป็นตัวแทนจำหน่าย เราสามารถสำรวจตลาดหรือเก็บสถิติจากการขายสินค้าได้ หากสินค้าชนิดไหนขายดี หรือมีแนวโน้มที่ดี เราสามารถที่จะสต๊อกสินค้าพวกนี้ไว้ปล่อยให้ลูกค้าได้
- ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง
ลองคิดดูว่าถ้าหากเราเป็นเจ้าของธุรกิจถ้าสินค้าขายดีก็ดีไป แต่ถ้าสินค้าขายไม่ดีก็จะมีผลต่ออะไรหลาย ๆ ด้าน ไหนจะเรื่องปัญหาสินค้าขายไม่ได้ ปัญหาจิปาถะทั้งเรื่องของการผลิต คู่แข่ง เป็นต้น แต่การเป็นตัวแทนจำหน่ายเราสามารถมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปได้เลย เราก็แค่พยายามขายสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วให้ได้ และไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องอื่น ๆ ให้ปวดหัวอีกด้วย
- ได้ฝึกให้ตัวเองเป็นเจ้าของกิจการไปในตัว
นักธุรกิจที่ดีจะต้องเริ่มจากการเป็นนักขายที่มีข้อดีก็คือ ทำให้มองเห็นปัญหาลูกค้าได้ชัดเจน รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร สินค้าแบบไหนที่ทำมาแล้วจะขายดี ยิ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายนาน ๆ ก็อาจจะทำให้รู้จักโรงงานของผู้ผลิต แหล่งวัตถุดิบ ในอนาคตเราอาจจะผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจเองเลยก็ได้
- ยิ่งขยันยิ่งมีรายได้
การเป็นตัวแทนจำหน่ายหากเราไม่ได้เซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าห้ามขายสินค้าของแบรนด์อื่น ๆ ร่วมด้วยก็ยิ่งง่ายที่เราจะบริหารจัดการ เราสามารถเลือกเป็นตัวแทนได้หลายบริษัท เลือกเอาสินค้าตัวที่น่าสนใจมาขาย ตัวไหนขายดีก็รับต่อ ตัวไหนที่คนไม่นิยมก็ไปเลือกสินค้าตัวอื่นมาขายแทน การเป็นตัวแทนยิ่งขยันก็ยิ่งมีรายได้ อยู่ที่ตัวเราเป็นสำคัญ
ข้อเสียของระบบ Dropship หรือตัวแทนจำหน่าย
- ควบคุมสินค้าให้เป็นไปตามความต้องการไม่ได้
เนื่องจากระบบ Dropship จะเป็นการที่เรารับสินค้ามาขายเจ้าของผลิตมาแบบไหนเราก็ต้องรับมาแบบนั้น เช่น ถ้าเป็นเสื้อผ้าก็อาจจะไม่ได้สีที่เราต้องการหรืออยากได้ เนื้อผ้าที่เราต้องการ แต่ผู้ผลิตไม่มีเราก็ต้องเอาสินค้าที่ใกล้เคียงมาขาย ก็เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับเพราะว่าเราไม่ใช่ผู้ผลิตเอง
- รับฟังปัญหาแทนเจ้าของกิจการ
ในเมื่อเราเป็นคนขายคนซื้อเขาไม่สนใจหรอกว่าเราเป็นแค่ตัวแทนหรือเจ้าของถ้าสินค้าที่ซื้อจากเราเกิดไม่ดี ใช้แล้วมีปัญหาคนที่เขาจะกลับมาโวยวายใส่คนแรกก็คือเราที่เป็นคนขาย ดังนั้นงานตัวแทนจึงอยู่กับการแบกรับอารมณ์ลูกค้าที่มีหลากหลายประเภท ในขณะที่เจ้าของสินค้าตัวจริงอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง
- มีคู่แข่งมากมาย
ในยุคนี้ใคร ๆ ก็อยากที่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้า ไม่ว่าจะออฟไลน์หรือออนไลน์ มองไปทางไหนก็จะเจอแต่พ่อค้าแม่ค้า คนซื้อได้เปรียบที่สามารถเลือกซื้อกับใครที่ไหนอย่างไรก็ได้ แต่จะเสียเปรียบคือคนขายที่จะต้องพยายามที่จะทำให้ลูกค้าสนใจที่จะซื้อสินค้าของตัวเองให้ได้
- ราคาที่ต้องกำหนดตามต้นทุน
หลาย ๆ คนอาจจะไม่ชอบการเป็นตัวแทนจำหน่ายเพราะเนื่องจากราคาขายที่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะตั้งราคาได้เอง เช่น รับสินค้ามาในราคาต้นต้น 40 บาท จะมาตั้งราคาขายต่ำกว่า 40 ก็ขาดทุน หรือหากตั้งราคาขายในราคา 100 บาท เพื่อให้ได้กำไรมาก ๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะอาจจะไม่มีคนซื้อเนื่องจากลูกค้าจะมองว่าแพงเกินไป สุดท้ายก็ต้องมาตั้งราคากลาง ๆ ประมาณ 50-60 บาท หรืออาจจะน้อยกว่านี้เพื่อที่จะเอาใจลูกค้า
- ข้อกำหนดและกฏเกณฑ์ที่น่าอึดอัด
บางคนอาจจะเจอสินค้าที่เปิดระบบตัวแทนจำหน่ายแบบที่ต้องมีขั้นต่ำในการสั่งซื้อสินค้าเพื่อมาสต๊อกขาย หรือบางคนเจอสินค้าที่ชอบขายขายพ่วงซื้อสินค้านี้ไปขายก็ต้องเอาสินค้าอีกตัวไปขายด้วย ไหนจะระบบการจ่ายเงินที่บางทีไม่ใช่ขายขาด แต่ต้องมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์การขายหรือนำมาหักแบ่งก่อนที่จะส่งคืนรายได้ให้ผู้ขาย บางทีก็เจอข้อกำหนดแบบเป็นตัวแทนที่นี่แล้วห้ามเป็นตัวแทนรายอื่น ข้อกำหนดที่หยุมหยิมเหล่านี้บางทีก็น่าอึดอัดเหมือนกัน
แต่ถ้าเราดูจากข้อดี ข้อเสียของระบบ Dropship แล้วก็ต้องมาวิเคราะห์ตามเหตุผลและความเหมาะสมของแต่ละบุคคลว่าพร้อมที่จะสร้างรายได้ด้วยการใช้ระบบ Dropship หรือระบบตัวแทนจำหน่ายหรือไม่ ทุกวิธีก็ต่างมีจุดที่ได้เปรียบเสียเปรียบของตัวเองอยู่ที่ว่าเราจะเลือกบริหารจัดการหรือวางแผนกับการลงทุนอย่างไร
ซึ่งเจ้าของร้านค้าออนไลน์สามารถใช้งานระบบ Dropship ได้ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการสต๊อกสินค้า แต่เจ้าของร้านควรจะต้องตรวจสอบก่อนว่าระบบเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่ใช้งานอยู่ รองรับการใช้งานระบบ Dropship หรือไม่ ซึ่ง etreeplus.com ขายโปรแกรมสต๊อกสินค้า โปรแกรมขายหน้าร้าน ออกแบบและพัฒนาโดยมืออาชีพ และเราคือทางออกในการแก้ไขปัญหาความวุ่นวายภายในร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งเรารับออกแบบระบบแอพพลิเคชั่น ระบบสต๊อกสินค้าและจัดการช่องทางขายสินค้าออนไลน์ ในราคาที่แสนถูก เป็นการนำการขายจริงมาประยุกต์ผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาเพื่อรองรับการขายรูปแบบใหม่ เช่น Dropship (ระบบตัวแทนไม่มีการสต๊อกสินค้า) Point of sale (ระบบการขายหน้าร้าน) Enterprise (ระบบการขายผ่านเว็บไซต์ Ecommerce) ระบบ Restaurant
ระบบสต๊อกสินค้าจะช่วยให้การเก็บสต๊อกสินค้าเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การเช็คและตรวจนับสินค้าในสต๊อกเป็นไปได้อย่างงายดาย แม่นยำ รวดเร็ว และยังช่วยให้คุณนับสต๊อกสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยใช้การเขียนระบบสต๊อกสินค้าให้เหมาะสมกับร้านของเรา หากคุณลูกค้าสนใจที่จะมีระบบขายหน้าร้าน ระบบสต๊อกสินค้า โปรแกรมขายหน้าร้าน โปรแกรมสต๊อกสินค้า ระบบ Dropship (ระบบตัวแทนไม่มีการสต๊อกสินค้า) ระบบ Point of sale (ระบบการขายหน้าร้าน) ระบบ Enterprise (ระบบการขายผ่านเว็บไซต์ Ecommerce) ระบบ Restaurant สามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลา เรามีพนักงานมืออาชีพพร้อมให้บริการคุณอยู่ ธุรกิจไหนก็เลือกโปรแกรมขายหน้าร้านหรือระบบขายหน้าร้าน ของ Etreeplus ทั้งนั้น บริการหลังการขายเป็นเลิศไม่มีใครเทียบได้ สามารถเข้าไปดูการเขียนระบบสต๊อกสินค้าได้ที่เว็บไซต์ของเราได้ที่ https://etreeplus.com
สนใจติดต่อสอบถามการทำระบบสต็อกสินค้ากับเราได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ
Line@ ID : @KTNDEVELOP
Tel : 02-046-8597 , 094-551-6420 , 086-335-3642
Email : info@ktndevelop.com
Website : https://etreeplus.com/