สสว. ปลื้ม SMEs Go Online ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ แห่สมัครร่วมโครงการกว่า
32,000 ราย
ดึงสินค้า-บริการ กว่า 4 หมื่นผลิตภัณฑ์ ขึ้นขายบนเว็บไซต์ชั้นนำ หลัง สสว. จับมือ ETDA จัดทีมกูรู เดินสายติวเข้มการตลาดดิจิทัลสู่จังหวัดต่าง ๆ หวังปั้น SMEs 4.0 โตบนตลาดออนไลน์
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.)หรือ ETDA (เอ็ตด้า) จัดแถลงผลความสำเร็จในโครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SMEs ปี 2560 กิจกรรมพัฒนาและเตรียมความพร้อมผลิตภัณฑ์เข้าสู่ระบบตลาดอิเล็กทรอนิกส์ หรือ SMEs Go Online by สสว. & ETDA เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา
สาลินี วังตาล ผู้อำนวยการ สสว. เปิดเผยผลสำเร็จของโครงการฯ ว่า ได้มีผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชนหรือ OTOP นำสินค้าและบริการ กว่า 75,100 ผลิตภัณฑ์ จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย สมัครเข้าร่วมโครงการฯ และทั้งหมดได้รับการพัฒนาความพร้อมเข้าสู่ตลาดอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Marketplace (อีมาร์เก็ตเพลส) โดย สสว. ตั้งเป้าให้ได้ 100,000 ผลิตภัณฑ์ ภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งในจำนวนนี้มีสินค้าขึ้นขายบนอีมาร์เก็ตเพลสไปแล้วไม่น้อยกว่า 44,108 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกี่ยวกับอาหาร นับเป็นอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จในการสร้างผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ และยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ SMEs ตลอดจนการพัฒนาวิสาหกิจให้มีความเข้มแข็งและส่งเสริมการเข้าถึงตลาด โดยเฉพาะการตลาดอีคอมเมิร์ซที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน
“อย่างไรก็ตามในการต่อยอดโครงการระยะต่อไป ต้องมุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ขายสินค้าได้โดยใช้เทคนิคการขายและการโปรโมตสินค้าที่ทันสมัย นำบาร์โค้ดมาใช้กับผลิตภัณฑ์ รวมถึงพัฒนาช่องทางในการขนส่งสินค้าให้ถูกลง เพื่อรองรับตลาดออนไลน์ที่โตขึ้น ซึ่งเบื้องต้นได้พูดคุยกับเอกชนรายใหญ่เพื่อรองรับไว้แล้ว นอกจากนี้ต้องพัฒนาเรื่องคุณภาพและมาตรฐานให้ได้รับการรับรอง” สาลินี กล่าว
ด้าน สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวถึงความร่วมมือในการดำเนินโครงการฯ ครั้งนี้ว่า เป็นการผสานความเชี่ยวชาญของ 2 หน่วยงาน ระหว่าง ETDA กับ สสว. เพื่อเข้าไปช่วยเหลือและยกระดับความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP รวมถึงการบ่มเพาะผู้ประกอบการสู่อีคอมเมิร์ซ โดยมูลค่าการซื้อขายตลอดโครงการตั้งเป้าไว้ที่ 210 ล้านบาทภายปีหน้า โดยตั้งแต่ดำเนินโครงการมาถึงปัจจุบันมียอดมูลค่าอยู่ที่ 20 ล้านบาทแล้ว ซึ่งในส่วนของ ETDA ที่เข้าไปช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการทำอีคอมเมิร์ซ ได้ทำให้มีสินค้าหรือบริการเข้าสู่อีมาร์เก็ตเพลสไปแล้ว 32,389 ผลิตภัณฑ์ และสามารถสร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการและผู้ให้บริการอีมาร์เก็ตเพลสที่เป็นที่นิยมจำนวน 7 บริษัท ประกอบด้วย Lazada, Shopee, Weloveshopping, TARAD.COM, PCHome, 11street, Lnwshop รวมถึงสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ซึ่งได้นำมาสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการพัฒนาส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ระหว่าง ETDA กับ 9 เครือข่าย ในงานแถลงความสำเร็จของโครงการฯ ในวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ด้วย โดยคาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้มีโอกาสนำสินค้าขึ้นไปขายบนอีมาร์เก็ตเพลสเพิ่มมากขึ้น
“โครงการฯ นี้ นับเป็นความร่วมมือที่สำคัญของ สสว. และ ETDA ในการช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพและยกระดับการทำอีคอมเมิร์ซอย่างยั่นยืน ผ่านช่องทางอีมาร์เก็ตเพลส รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นและผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้บนตลาดภายในประเทศ และจะเป็นพื้นฐานที่จะเติบโตต่อไปตลาดต่างประเทศได้ เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็น Smart Entrepreneur ในยุค Thailand 4.0 ซึ่งภาครัฐพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ และจะมีโครงการต่อยอดระยะที่ 2 ต่อไป” สุรางคณา กล่าว
งานครั้งนี้ยังได้เชิญผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจากการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดออนไลน์มาร่วมพูดคุย โดยพงศ์สวัส ยอดสุรางค์ ผู้ประกอบการหนังปลากะพงขาวทอดกรอบ “เลทอง” เปิดเผยว่า จากที่ประสบปัญหาจากการทำธุรกิจและเป็นหนี้กว่า 20 ล้านบาท ได้พลิกฟื้นธุรกิจโดยหันมาทำการแปรรูปหนังปลากะพงเพื่อจำหน่ายและเมื่อเข้าสู่ตลาดออนไลน์ ก็ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และสามารถสั่งซื้อและส่งของให้ลูกค้าได้โดยตรง ด้าน วันชาญดี ยะดีอาแว ผู้ประกอบการ “อาหารสำเร็จรูป น้ำแกงสำเร็จรูป by Hantana” กล่าวว่า หลังนำธุรกิจเข้าสู่การขายออนไลน์ ก็กลายเป็นช่องทางการขายหลักของกิจการ และเมื่อเข้าร่วมโครงการแล้ว ทำให้ได้รับความรู้เพิ่มทั้งในส่วนของการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ ปรับปรุงรูปแบบแพ็กเกจ และการยืดอายุสินค้าให้อยู่ในตลาดได้ ปิดท้ายด้วย พจมาลย์ อันเนตร ผู้ประกอบการเครื่องเคลือบ “ฉันกะหม้อ by เอี่ยมอ่อง” กล่าวว่า ได้รับความรู้จากโครงการฯ ครั้งนี้ ในเรื่องการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์เพื่อการขาย และสามารถเพิ่มช่องทางในการกระจายสินค้าไปให้ลูกค้าทั่วประเทศด้วย